ความเร็วของยานพาหนะจะต้องมีการปรับให้เข้ากับข้อกำหนดต่างๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นพิเศษทุกครั้ง ในการปฏิบัติดังกล่าวผู้ขับขี่จะต้องคำนึงถึงการใช้ถนน สภาพทัศนวิสัยและอากาศ สภาพของยานพาหนะและสิ่งของที่บรรทุก รวมถึงสภาพการจราจรทั่วไป ผู้ขับขี่จะต้องสามารถควบคุมยานพาหนะและความเร็วได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ควรขับขี่เร็วกว่าที่ผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ จะต้องสามารถหยุดรถบนถนนที่ทอดยาวไปข้างหน้าของยานพาหนะซึ่งผู้ขับขี่สามารเห็นสิ่งกีดขวางและด้านหน้าของสิ่งกีดขวางใดๆ ก็ตามที่สามารถคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเปลี่ยนจากไฟสูงเป็นไฟต่ำจะต้องปรับความเร็วก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสภาพทัศนวิสัยใหม่
ผู้ขับขี่จะต้องรักษาความเร็วให้ต่ำอย่างเหมาะสมตามเงื่อนไขดังนี้:
ผู้ขับขี่ไม่สามารถป้องกันการขับขี่ปกติของผู้ขับขี่คนอื่นๆ ได้โดยไม่มีเหตุอันควรจากการขับด้วยความเร็วต่ำเกินไปหรือการเบรกกะทันหัน
ในสภาพถนนที่ไม่ดี ผู้ขับขี่จะต้องปรับความเร็วที่เหมาะสมที่สุดเพื่อที่จะไม่สาดกระเด็นไปยังผู้ขับขี่คนอื่น
บนถนนสายอื่นๆ นอกเหนือจากทางหลวงพิเศษและทางหลัก ความเร็วในการขับขี่ยานพาหนะไม่ควรเกินการจำกัดดังต่อไปนี้:
บนทางหลวงพิเศษจำกัดความเร็วไม่เกิน 130 กม.ต่อชั่วโมง
สำหรับทางหลักจำกัดความเร็วไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมง
สำหรับพื้นที่ถนนสามารถกำหนดความเร็วจำกัดสูงกว่าความเร็วจำกัดทั่วไปตามการลื่นไหลของจราจรโดยพิจารณาถึงความปลอดภัยของการจรากรเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามบนทางหลักและทางหลวงพิเศษ อย่างไรก็ตามสามารถขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กม.ต่อชั่วโมงและ 130 กม.ต่อชั่วโมงตามลำดับ
สำหรับถนนที่ตรงไปข้างหน้าที่ไม่เหมาะสมหรือไม่สมควรที่จะขับขี่ด้วยความเร็วตามความเร็วจำกัดทั่วไปสามารถกำหนดความเร็วจำกัดที่ต่ำลงได้ ในพื้นที่ตึกอาคารหนาแน่นการ มีการจำกัดความเร็วลดลงสำหรับพื้นที่จำกัดมากขึ้นในลักษณะที่คล้ายกัน
ป้ายระบุถึงบริเวณที่มีการใช้กฎจราจรของพระราชบัญญัติการจราจรบนถนนสำหรับบริเวณที่มีตึกอาคารหนาแน่น ชื่อเมืองตามภูมิศาสตร์ของพื้นที่อาจแสดงเป็นภาษาเดนมาร์ก หรือภาษาอังกฤษ หรือภาษาราชการของประเทศเพื่อนบ้าน ป้ายจราจรอาจถูกทำเป็นแผ่นป้ายและอาจถูกติดตั้งเป็นแผ่นป้ายด้านล่างของป้ายจราจร C 56 สิ้นสุดเขตจำกัดความเร็ว
การจำกัดความเร็วในพื้นที่ ป้ายกำหนดพื้นที่จำกัดความเร็วสำหรับพื้นที่บนถนนจริง สามารถดูพระราชบัญญัติการจราจรบนถนนมาตรา 42 การจำกัดความเร็วมีผลบังคับใช้โดยไม่คำนึงถึงกฎข้อบังคับในมาตรา 16 ข้อ 2 จนกว่าจะไม่มีผลเมื่อมีป้ายสิ้นสุดหรือป้ายที่มีระยะทางระบุอยู่บนแผ่นป้ายด้านล่าง มีการระบุน้ำหนักบนแผ่นป้ายด้านล่างของป้ายจราจร การจำกัดความเร็วอาจจำกัดให้ใช้ได้เฉพาะกับยานพาหนะ รวมถึงพาหนะที่พ่วงต่อกันไว้หากน้ำหนักโดยรวมที่อนุญาตทั้งหมดหนักกว่าที่ระบุไว้เท่านั้น
การปฏิบัติตามระเบียบนี้ใช้กับผู้ขับขี่ ยกเว้นนักปั่นจักรยานและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก โดยใช้จนกว่าจะถูกยกเลิกด้วยป้าย D 56 หรือด้วยระยะทางที่ระบุอยู่บนแผ่นป้ายด้านล่างของป้ายจราจร
ป้ายระบุถึงบริเวณถนนที่เห็นไม่เหมาะสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงกว่าที่ระบุไว้
แผ่นป้ายใต้ป้ายจราจรระบุความเร็วที่สามารถขับผ่านทางโค้งหรือทางโค้งอื่นๆ ภายใต้สภาวะแวดล้อมปกติได้
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทดสอบภาคทฤษฎี
คุณจะสามารถเข้าถึงตัวเลือกของคำถามแบบเลือกตอบมากกว่า 1,000 รายการ การทดสอบภาคทฤษฎีของเราได้รับการทดสอบกับนักเรียนมากกว่า 140 คนก่อนที่เราจะนำมาใช้ ทุกคนผ่านในครั้งแรก
มาตรา 43 สำหรับรถโดยสารประจำทางน้ำหนักรวมที่เกินกว่า 3,500 กิโลกรัม ความเร็วในการขับขี่จะต้องไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมง โดยไม่คำนึงถึงมาตรา 42 สำหรับรถโดยสารประจำทางที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 10 ความเร็วในการขับขี่บนทางหลวงพิเศษจะต้องไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข้อ 2 สำหรับรถประเภทอื่นๆ น้ำหนักรวมที่อนุญาตเกินกว่า 3,500 กิโลกรัม (รถบรรทุก) และสำหรับรถพ่วงที่ประกอบไปด้วยรถบรรทุกหรือรถโดยสารประจำทาง น้ำหนักรวมที่อนุญาตที่เกินกว่า 3,500 กิโลกรัม และรถพ่วงที่บังคับให้มีการลงทะเบียน ความเร็วบนถนนสายอื่นไม่สามารถขับขี่เกินกว่า 80 กม.ต่อชั่วโมงโดยไม่คำนึงถึงมาตรา 42
ข้อ 3 สำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักรวมที่อนุญาตมากกว่า 3,500 กิโลกรัม ความเร็วบนถนนสายอื่นๆ นอกเหนือจากทางหลวงพิเศษโดยไม่คำนึงถึงมาตรา 42 ไม่สามารถขับขี่เกินกว่า 70 กม.ต่อชั่วโมง ในกรณีที่เป็นรถพ่วง รถกึ่งพ่วง หรืออุปกรณ์ลากพ่วงที่กำหนดให้มีการจดทะเบียน รวมถึงคาราวานที่พ่วงมาด้วยกัน โดยใช้กฎเดียวกันกับรถจักรยานยนต์ในกรณีที่มีการพ่วงหรือมีอุปกรณ์พ่วงที่กำหนดให้มีการลงทะเบียน สำหรับรถยนต์ที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 11 ความเร็วในการขับขี่บนถนนสายอื่นนอกเหนือจากการขับขี่บนทางหลวงพิเศษจะต้องไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมง
ข้อ 4 สำหรับยานพาหนะที่กล่าวถึงไว้ในข้อ 2 และ 3 ความเร็วในการขับขี่บนทางหลวงพิเศษจะต้องไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมงโดยไม่คำนึงถึงมาตรา 42 สำหรับรถยนต์ที่รวมอยู่ในข้อ 3 ที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 11 ความเร็วในการขับขี่บนทางหลวงพิเศษจะต้องไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข้อ 5 สำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ลากพ่วงที่ไม่ต้องจดทะเบียน และสำหรับรถแทรคเตอร์และเครื่องจักรสามารถขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม.ต่อชั่วโมงโดยไม่คำนึงถึงมาตรา 42 สำหรับรถแทรคเตอร์และรถเครื่องจักรที่ได้รับอนุญาตและจดทะเบียนแล้ว รวมถึงยานพาหนะที่พ่วงต่อประกอบไปด้วยรถแทรคเตอร์ที่ได้รับอนุญาตและจดทะเบียนแล้ว หรือรถเครื่องจักรได้รับอนุญาตและจดทะเบียนแล้วที่มีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์พ่วงลากได้รับอนุญาตและจดทะเบียนแล้ว ซึ่งปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 12 เกี่ยวกับความเร็วในการขับขี่จะต้องไม่เกิน 40 กม.ต่อชั่วโมง
ข้อ 6 สำหรับรถยนต์หรือยานพาหนะที่มีการพ่วงแบบมีล้อมากกว่าหนึ่งคู่ขึ้นไปที่มีล้อหุ้มแข็ง ความเร็วในการขับขี่จะต้องไม่เกิน 15 กม.ต่อชั่วโมงโดยไม่คำนึงถึงมาตรา 42
ข้อ 7 จากการจดทะเบียนและการอนุญาตของรถยนต์สามารถกำหนดความเร็วจำกัดแบบต่ำพิเศษในกรณีที่โครงสร้างของยานพาหนะทำให้จำเป็นต้องปฏิบัติเช่นนี้
ข้อ 8 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสามารถกำหนดความเร็วจำกัดที่สูงกว่าได้ดังที่กล่าวไว้ในข้อ 1-5 สำหรับยานพาหนะประเภทพิเศษในกรณีด้านความปลอดภัยสำหรับการจราจรหรือเหตุผลทางเทคนิคของยานพาหนะเมื่อมีสภาพเงื่อนไขที่สมควร
ข้อ 9 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของประเทศเดนมาร์กสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการทดสอบความเร็วสูงกว่าบนทางหลวงพิเศษสำหรับยานพาหนะที่ระบุไว้ในข้อ 2 และ 3 โดยไม่คำนึงถึงกฎข้อบังคับภายใต้ข้อ 4
ข้อ 10 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของประเทศเดนมาร์กสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขที่จะต้องปฏิบัติตามสำหรับรถโดยสารประจำทางในการขับขี่ได้สูงสุด 100 กม.ต่อชั่วโมง โปรดดูข้อ 1 หัวข้อ 2
ข้อ 11 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของประเทศเดนมาร์กสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขที่จะต้องปฏิบัติตามสำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักรวมไม่เกิน 3,500 กิโลกรัมต่อพ่วงเข้ากับรถพ่วง รถกึ่งพ่วง หรืออุปกรณ์ลากพ่วงที่ได้รับการจดทะเบียน รวมถึงคาราวาน โดยสามารถขับขี่ได้ไม่เกิน 100 กม.ต่อชั่วโมงบนทางหลวงพิเศษ และไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมงบนถนนสายอื่นนอกเหนือจากทางหลวงพิเศษ โปรดดูข้อ 4 หัวข้อ 2 และข้อ 3 หัวข้อ 3
ข้อ 12 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของประเทศเดนมาร์กสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขที่จะต้องปฏิบัติตามสำหรับรถแทรคเตอร์และเครื่องจักรที่ได้รับอนุญาตหรือจดทะเบียน รวมถึงยานพาหนะที่พ่วงรวมไว้ด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยรถแทรคเตอร์ที่ได้รับอนุญาตหรือจดทะเบียน หรือเครื่องจักรที่ได้รับอนุญาตหรือจดทะเบียนที่พ่วงไว้เป็นอุปกรณ์พ่วงต่อที่ได้รับอนุญาตหรือจดทะเบียนสามารถขับขี่ได้ไม่เกิน 40 กม.ต่อชั่วโมง โปรดดูข้อ 5 หัวข้อ 2
มาตรา 43 ก สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่สามารถขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 45 กม.ต่อชั่วโมงโดยไม่คำนึงถึงมาตรา 42 สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กสามารถขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม.ต่อชั่วโมงโดยไม่คำนึงถึงมาตรา 42
มาตรา 43 ข ความเร็วสำหรับยานพาหนะรางรถไฟรางเบาสามารถขับขี่ได้ไม่เกินความเร็วจำกัดสำหรับรถโดยสารประจำทาง โปรดดูมาตรา 42 และมาตรา 43 ข้อ 1 และ 10
ข้อ 2 สำหรับถนนที่ตรงไปข้างหน้าที่มีการขับขี่ยานพาหนะรถไฟรางเบาและรถยนต์ และในบริเวณที่มียานพาหนะรถไฟรางเบามีการขับขี่แยกออกไปอย่างชัดเจนจากการจราจรอื่นๆ สามารถกำหนดความเร็วจำกัดที่สูงกว่าความเร็วจำกัดทั่วไปสำหรับยานพาหนะรถไฟรางเบาได้โดยพิจารณาถึงการจราจรเป็นสำคัญ